มาตรการด้านการจัดการพลังงานและสิ่งแวดล้อม

 

มาตรการประหยัดน้ำ

  1. รณรงค์เรื่องการประหยัดน้ำผ่านป้ายประชาสัมพันธ์ สื่อออนไลน์ และสื่อภายในสำนักงานอย่างต่อเนื่อง
  2. สร้างค่านิยมการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่าให้บุคลากรทุกระดับและผู้ใช้งานอาคาร
  3. เลือกใช้ก๊อกและสุขภัณฑ์ประเภทประหยัดน้ำ
  4. ใช้ก๊อกน้ำแบบมือกดในโถปัสสาวะ ภายในห้องน้ำชาย (ให้เปลี่ยนเมื่อมีการชำรุด)
  5. ตรวจสอบก๊อกน้ำ ท่อน้ำ และจุดเสี่ยงรั่วไหลเป็นประจำ
  6. ดำเนินการซ่อมแซมจุดรั่วไหลทันทีเมื่อพบการรั่วไหลหรือได้รับแจ้งเหตุ
  7. เก็บรวบรวมน้ำที่ไหลออกจากเครื่องปรับอากาศเพื่อนำมาใช้ซ้ำ เช่น ล้างพื้นหรือรดน้ำต้นไม้
  8. ส่งเสริมการใช้น้ำอย่างคุ้มค่าโดยหมุนเวียนน้ำใช้แล้วกลับมาใช้ในกิจกรรมที่ไม่ต้องการน้ำสะอาด 100%
  9. บันทึกข้อมูลการใช้น้ำจากมิเตอร์ทุกเดือนเพื่อติดตามแนวโน้มและวิเคราะห์ความผิดปกติ

มาตรการประหยัดพลังงานไฟฟ้า

  1. รณรงค์สร้างความตระหนักเรื่องการใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างถูกวิธี เพื่อการประหยัดพลังงาน
  2. ใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีฉลากประหยัดพลังงานเบอร์ 5
  3. เปลี่ยนหลอดไฟเป็น LED หรือชนิดประหยัดพลังงาน ทุกจุดที่สามารถปรับเปลี่ยนได้
  4. มีการปลดหลอดไฟในจุดที่ไม่จำเป็น
  5. มีการใช้อุปกรณ์จับการเคลื่อนไหวปิดแสงสว่าง motion sensor
  6. มีการกำหนดให้ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ใช้งานเวลาพักเที่ยงและเวลาเลิกงาน
  7. มีการใช้พลังงานทดแทนจากแสงอาทิตย์ (Solar Cell)
  8. รณรงค์ให้ถอดปลั๊กอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกครั้งที่เลิกใช้งาน
  9. มอบหมายบุคลากรปิดไฟเมื่อไม่มีความจำเป็นใช้งานหรือหลังจากเวลา 16.30 น.
  10. มีการลดการใช้แสงสว่างในจุดที่ไม่จำเป็นภายในสำนักงาน หลังเวลา 18.00 น.
  11. ใช้บันไดแทนลิฟต์เมื่อเป็นระยะทางใกล้
  12. ติดป้าย/สติ๊กเกอร์เตือนการประหยัดพลังงานในทุกพื้นที่
  13. จัดกิจกรรมรณรงค์ เช่น “ชั่วโมงลดไฟฟ้า” หรือ “สัปดาห์ประหยัดไฟ”
  14. ตรวจสอบจุดใช้ไฟฟ้าที่ผิดปกติและแก้ไขทันที
  15. บันทึกข้อมูลการใช้ไฟฟ้ารายเดือนเพื่อวิเคราะห์แนวโน้ม

มาตรการการใช้เครื่องปรับอากาศ

  1. มีการกำหนดเวลาเปิด-ปิดเครื่องปรับอากาศ โดยคำนึงถึงการประหยัดพลังงานเป็นหลัก แต่ไม่กระทบต่อการปฏิบัติงาน เช่น กำหนดการเปิด-ปิด เวลา 8.30 - 16.30 น.
  2. มีการกำหนดอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศ ที่ 25 องศาเซลเซียส
  3. ห้ามนำสิ่งของที่ไม่เกี่ยวข้องวางในห้องควบคุมระบบที่มีเครื่องปรับอากาศ
  4. มีการล้างทำความสะอาดแผ่นกรองฝุ่นภายในเครื่องปรับอากาศ ปีละ 2 ครั้ง
  5. มีการล้างทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศทั้งระบบ ปีละ 1 ครั้ง
  6. ตรวจสอบและบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศและระบบไฟฟ้าตามรอบ
  7. สำรวจอายุการใช้งานของเครื่องปรับอากาศ และทำแผนจัดซื้อเครื่องปรับอากาศที่มีระบบประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

มาตรการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง

  1. สร้างความตระหนักเรื่องการประหยัดเชื้อเพลิง
  2. การส่งเอกสารราชการในรูปแบบ E-Document
  3. การกำหนดรอบเวลาในการรับ-ส่งเอกสารราชการ สัปดาห์ละ 3 วัน
  4. ตรวจสภาพและบำรุงรักษายานพาหนะของคณะวิทยาศาสตร์ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง หรือตามข้อกำหนดการใช้งาน
  5. ขับรถในอัตราความเร็วที่เหมาะสม
  6. พิจารณาเส้นทางและวางแผนการเดินทางก่อนทุกครั้ง เพื่อเลือกใช้เส้นทางที่ใกล้และใช้เวลาน้อยที่สุด
  7. มีแนวปฏิบัติการขอใช้รถยนต์และบันทึกการใช้รถยนต์ของคณะ
  8. พิจารณาจัดการประชุมในรูปแบบ Online เพื่อลดการเดินทาง
  9. บันทึกข้อมูลระยะทางการใช้ยานพาหนะของคณะทุกคันและทุกวัน

มาตรการการใช้ลิฟต์

  1. รณรงค์ให้ใช้บันไดแทนลิฟต์เมื่อเป็นระยะทางใกล้ เช่น 1–2 ชั้น
  2. ใช้ลิฟต์ร่วมกันเป็นกลุ่ม
  3. หลีกเลี่ยงการกดเรียกหลายลิฟต์พร้อมกัน เลือกกดเพียงตัวที่ใกล้ที่สุด
  4. ไม่กดปุ่มหยุดหรือเปิด-ปิดประตูโดยไม่จำเป็น เพื่อลดการทำงานที่สิ้นเปลืองของระบบ
  5. ห้ามใช้ลิฟต์เมื่อเกิดเพลิงไหม้ ไฟฟ้าดับ หรือเหตุฉุกเฉินที่อาจกระทบระบบไฟฟ้า
  6. ตรวจเช็คและบำรุงรักษาลิฟต์ตามรอบบริการ (เดือนละ 1 ครั้ง)

มาตรการการใช้กระดาษ

  1. การสร้างความตระหนักในการใช้กระดาษ
  2. เลือกใช้กระดาษจากหน่วยงานที่ได้รับรองระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมหรือเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
  3. รณรงค์การสั่งพิมพ์สองหน้าทุกครั้ง
  4. นำกระดาษจากการพิมพ์หรือถ่ายเอกสารหน้าเดียวกลับมาใช้ใหม่
  5. ตรวจสอบรายละเอียดที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ให้ถูกต้องก่อนสั่งพิมพ์ เพื่อลดปริมาณขยะกระดาษ
  6. ซองจดหมายต่าง ๆ ที่ใช้แล้วสามารถนำกลับมาใช้ส่งเอกสารภายในสำนักงาน
  7. ส่งข้อมูลข่าวสารผ่านช่องทางการสื่อสารแบบออนไลน์ เพื่อลดการใช้กระดาษ
  8. รณรงค์ให้มีการประชุมและทำแบบสำรวจออนไลน์ และเวียนเอกสารอิเล็กทรอนิกส์
  9. มีจุดรวมเครื่องใช้สำนักงานส่วนกลาง (เครื่องพิมพ์ เครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องทำลายกระดาษ) ร่วมกัน
  10. ส่งเสริมเบิกจ่ายอุปกรณ์สำนักงานผ่านระบบออนไลน์

มาตรการประหยัดการใช้หมึกพิมพ์ อุปกรณ์เครื่องเขียน และวัสดุอุปกรณ์สำนักงาน

  1. ตรวจสอบรายละเอียดที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ให้ถูกต้องก่อนสั่งพิมพ์ เพื่อประหยัดกระดาษและหมึกพิมพ์
  2. ส่งข้อมูลข่าวสารผ่านระบบคอมพิวเตอร์ ช่องทางการสื่อสารต่าง ๆ เพื่อลดการใช้กระดาษและพลังงาน
  3. บำรุงรักษาเครื่องพิมพ์/ถ่ายเอกสาร อย่างสม่ำเสมอ
  4. การเบิกวัสดุ ควรเบิกเฉพาะวัสดุที่จำเป็นในการปฏิบัติงาน และเบิกใช้ปริมาณที่พอเหมาะและใช้ร่วมกันอย่างประหยัด
  5. กำหนดแนวทางการควบคุมการเบิกอุปกรณ์สำนักงาน เช่น กำหนดความถี่ในการเบิก เป็นต้น
  6. รณรงค์การใช้ทรัพยากร สร้างจิตสำนึกให้บุคลากรเห็นความสำคัญ การมีส่วนร่วมในการใช้กระดาษ หมึกพิมพ์ อุปกรณ์เครื่องเขียน และอุปกรณ์สำนักงานอย่างประหยัดและเหมาะสม
  7. ให้มีการจัดเก็บข้อมูลเพื่อเปรียบเทียบการลดลงของการใช้ทรัพยากร

มาตรการการเครื่องไฟฟ้าภายในสำนักงาน

  1. ตั้งตู้เย็นห่างจากผนังอย่างน้อย 10-15 เซนติเมตร และไม่อยู่ใกล้แหล่งความร้อน ตรวจสอบขอบยางตู้เย็นเป็นประจำ
  2. เครื่องคอมพิวเตอร์สำหรับบุคลากร
        • ปิดเครื่องและตรวจสอบความเรียบร้อยหลังเลิกใช้งาน
        • ตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ในบริเวณที่มีการระบายความร้อนได้ดี
        • ตั้งเวลาการพักหน้าจอทุก 5 นาที
        • เลือกใช้คอมพิวเตอร์ที่มีระบบประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
  3. เครื่องพิมพ์ เครื่องถ่ายเอกสาร
        • เลือกเครื่องพิมพ์ เครื่องถ่ายเอกสารที่มีระบบประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
        • กำหนดให้วางไว้ในบริเวณที่อากาศถ่ายเท
        • ตรวจสอบความถูกต้องก่อนสั่งพิมพ์ทุกครั้ง
        • หากไม่มีระบบเปิดปิดอัตโนมัติ กำหนดเปิดเครื่องถ่ายเอกสาร เวลา 8.30 น. และกำหนดปิดเครื่องถ่ายเอกสาร เวลา 16.30 น.
  4. กำหนดจุดตั้งเตาไมโครเวฟห่างจากผนังประมาณ 7.5 เซนติเมตร และตั้งห่างจากเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ เป็นการป้องกันคลื่นจากไมโครเวฟรบกวนเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดอื่น ๆ กระติกน้ำร้อน ควรเติมน้ำอุณหภูมิห้องในปริมาณที่เหมาะสม
  5. ตู้น้ำดื่ม ให้ทำความสะอาดและตรวจสภาพให้พร้อมใช้งาน สัปดาห์ละ1 ครั้ง
  6. ถอดปลั๊กอุปกรณ์ไฟฟ้าทันทีหลังเลิกใช้งาน

มาตรการจัดการประชุม อบรม สัมมนา

  1. การเชิญเข้าร่วมประชุมและการประชาสัมพันธ์การประชุม
      • ประชาสัมพันธ์การจัดประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น ระบบ E-document/E-mail /Line/Facebook เป็นต้น
      • ใช้อีเมลในการเชิญประชุม และระบุให้ส่งแบบตอบรับผ่านช่องทางออนไลน์ หรือโทรศัพท์
  2. การจัดเตรียมเอกสารประกอบการประชุม
      • จัดส่งเอกสารประกอบการประชุมผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ และเตรียมไฟล์ข้อมูลที่ผู้เข้าร่วมประชุมสามารถดาวน์โหลดได้
      • หากมีความจำเป็นต้องใช้กระดาษ ให้ใช้กระดาษ reuse หรือจัดทำเอกสารโดยการพิมพ์ ๒ หน้า (หน้า-หลัง) และใช้สีขาวดำ
  3. การจัดเตรียมสถานที่และอุปกรณ์
      • จำนวนผู้เข้าร่วมประชุมควรจัดให้เหมาะสมกับขนาดของห้องประชุม
      • ปิดคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์สื่อโสตทัศนูปกรณ์เมื่อใช้งานเสร็จแล้ว
      • มีจุดแยกขยะ Recycle ได้แก่ กระดาษ ขวดน้ำพลาสติก และขยะมูลฝอยทั่วไป
      • ไม่ตกแต่งสถานที่ประชุมด้วยวัสดุย่อยสลายยาก หรือวัสดุที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง
      • หากมีการจัดประชุม อบรม หรือสัมมนา ภายนอกสำนักงาน ให้คัดเลือกสถานที่จัดงานที่มีการบริหารการจัดประชุมสีเขียว (Green Meeting) หรือโรงแรมที่ขึ้นทะเบียนการบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Hotel)
  4. การจัดเตรียมอาหารและเครื่องดื่ม
      • เลือกใช้บริการร้านค้าที่ใช้วัสดุเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในการจัดอาหารและเครื่องดื่ม
      • งดการใช้โฟม พลาสติก และบรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายยาก และใช้วัสดุธรรมชาติที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมทดแทน เช่น ใบตอง กระดาษ เป็นต้น

 

มาตรการจัดการขยะ

กำหนดและรณรงค์ให้มีการแยกขยะตามประเภทต่าง ๆ และใช้ถังขยะแยกสี ดังนี้

มาตรการลดขยะมูลฝอย

  1. รณรงค์สร้างความตระหนักเรื่องการลดขยะผ่านป้ายประชาสัมพันธ์/สื่อออนไลน์
  2. กำหนดมาตรการ ๓R (Reduce Reuse Recycle)

Reduce

  • ลดการใช้บรรจุภัณฑ์ที่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง เช่น ถุงพลาสติก กล่องโฟม
  • นำแก้วน้ำหรือภาชนะใช้ซ้ำซื้ออาหารและเครื่องดื่มเพื่อบริโภคภายในสำนักงาน
  • จัดให้มีจุดยืมถุงผ้าภายในสำนักงาน
  • จัดซื้อวัสดุสำนักงานประเภทใช้ซ้ำ หรือวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

Reuse

  • นำสิ่งของเครื่องใช้กลับมาใช้ซ้ำ
  • เลือกใช้ภาชนะ หรือผลิตภัณฑ์ที่นำกลับมาใช้ซ้ำได้ เช่น แก้วน้ำ หรือกระบอกน้ำส่วนตัว

Recycle

  • เลือกใช้ทรัพยากรที่สามารถนำไป Recycle ได้
  • จัดพื้นที่สำหรับรวบรวมและคัดแยกขยะมูลฝอยทุกประเภท และจัดส่งหน่วยงานที่นำไปใช้ประโยชน์ต่อไป

มาตรการคัดแยกขยะมูลฝอย

  1. จัดวางถังขยะสำหรับคัดแยกขยะมูลฝอยให้เพียงพอ ตำแหน่งที่เหมาะสมกับชนิดและปริมาณในแต่ละวัน
  2. กำหนดจุดล้างภาชนะของแต่ละชั้นอย่างแน่ชัด
  3. บุคลากรและผู้เข้าร่วมประชุม/อบรม ให้แยกทิ้งเศษอาหารออกจากภาชนะบรรจุ และแยกขยะตามประเภทที่กำหนด
  4. มีแผนจัดทำพื้นที่หมักย่อยขยะอินทรีย์เปียก ขยะอินทรีย์แห้ง ภายนอกอาคาร
  5. กำหนดจุดคัดแยกขยะและชั่งน้ำหนัก บันทึกข้อมูลปริมาณขยะแต่ละประเภท ทุกวันทำการในเวลา ๑๖.๐๐ น.

มาตรการแยกขยะติดเชื้อ

  1. แยกขยะติดเชื้อ เช่น หน้ากากอนามัย ชุดตรวจ ATK และ ผ้าอนามัย
  2. กำหนดให้มีถังขยะติดเชื้อแยกจากขยะทั่วไปในห้องน้ำหญิงสำหรับทิ้งผ้าอนามัยที่ใช้แล้ว

มาตรการการจัดการขยะหลังคัดแยก

  1. ขยะอินทรีย์ ใช้ถังพักเศษอาหาร นำไปทำเป็นปุ๋ยหมัก หรือส่งบริษัท
  2. ขยะทั่วไป ทิ้งตามจุดที่มหาวิทยาลัยกำหนด ทั้งนี้มหาวิทยาลัยได้ว่าจ้างหน่วยงานภายนอกนำไปกำจัดตามกระบวนการที่ถูกต้อง
  3. ขยะรีไซเคิล จำหน่ายหรือบริจาค
  4. ขยะอันตราย รวบรวมใส่ถุงและติดฉลากระบุให้ชัดเจน เพื่อดำเนินการต่อได้อย่างถูกต้อง
  5. ขยะติดเชื้อ ให้คัดแยกขยะติดเชื้อใส่ถุงและมัดปากถุงให้แน่นไม่มีรอยฉีกขาดและควรทำสัญลักษณ์ว่าเป็นขยะติดเชื้อที่ถุงขยะ
  6. ส่งเสริมการใช้นวัตกรรมจากงานวิจัยนำมาจัดการขยะ

มาตรการการจัดการน้ำเสีย

  1. ติดตั้งเครื่องดักไขมันในบริเวณห้องครัว บริเวณจุดล้างภาชนะ และนำไขมันไปทำปุ๋ยหมัก
  2. จัดทำแผนบำรุงรักษาและคู่มือการใช้งานเครื่องดักไขมัน
  3. จัดทำแผนบำรุงรักษาและคู่มือการใช้งานระบบบำบัดน้ำเสีย
  4. ตรวจติดตามคุณภาพน้ำเสียของหน่วยงานตามเกณฑ์มาตรฐาน

มาตรการควบคุมป้องกันสัตว์พาหะนำโรค

  1. กำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบของผู้ดำเนินการกำจัดสัตว์พาหะนำเชื้อ
  2. สำรวจพื้นที่ภายในสำนักงานที่ต้องการควบคุม
  3. กำหนดวิธีควบคุมสัตว์พาหะนำเชื้อ
  4. พิจารณาคัดเลือกสารเคมีหรืออุปกรณ์ที่ใช้กำจัดพาหะนำเชื้อ จัดทำแผนการควบคุมสัตว์พาหะนำเชื้อ
  5. ตรวจร่องรอยสัตว์พาหะนำเชื้อ และรายงานการตรวจสอบร่องรอยสัตว์พาหะนำเชื้อทุกสัปดาห์
  6. ตรวจการดูแลทำความสะอาดพื้นที่ และความรับผิดชอบ

มาตรการการควบคุมมลพิษทางอากาศในสำนักงาน มาตรการรองรับฝุ่นละอองและสารเคมีจากการก่อสร้าง หรือปรับปรุงสำนักงาน

  1. แจ้งผู้รับจ้างให้มีมาตรการป้องกันฝุ่น ก่อนและระหว่างการดำเนินการก่อสร้าง
  2. ติดป้ายโครงการ ป้ายเตือนในพื้นที่ ๆ มีการก่อสร้าง
  3. กำหนดให้ทำกิจกรรมที่เกิดมลพิษสูง หรือทำการก่อสร้างในวันหยุด
  4. กั้นพื้นที่ก่อสร้างเพื่อกันมลพิษทางอากาศที่จะกระทบกับบุคลากรและนักศึกษา
  5. การทาสีอาคารควรปล่อยให้แห้ง กลิ่นสีระเหยออกไป ประมาณ 2-3 สัปดาห์ ก่อนเข้าใช้พื้นที่

มาตรการการควบคุมมลพิษทางเสียงในสำนักงาน

  1. จัดวางเครื่องพิมพ์เอกสารไว้ในจุดที่ห่างจากโต๊ะทำงานของบุคลากร
  2. กรณีมีเสียงดังจากการสนทนาภายในสำนักงาน
    • ติดป้ายห้ามส่งเสียงดัง
    • แจ้งผู้จัดการประชุมถึงระเบียบการใช้ห้อง
  3. กรณีมีเสียงดังจากการเปิด-ปิดประตู ติดป้ายปิดประตูเบา ๆ บำรุงรักษากลไกเปิด-ปิดประตู

มาตรการความน่าอยู่และความปลอดภัย

  1. จัดกิจกรรม 5ส. และ Big cleaning day บริเวณพื้นที่ปฏิบัติงาน ห้องเก็บของ และบริเวณรอบอาคาร
  2. เพิ่มพื้นที่สีเขียวภายในคณะเพื่อช่วยฟอกอากาศ และเกิดความสวยงามสบายตา
  3. กำหนดพื้นที่รับประทานอาหาร และห้ามรับประทานอาหารในพื้นที่ปฏิบัติงาน
  4. ห้ามนำอุปกรณ์การรับประทานอาหารมาล้างในห้องน้ำ
  5. มีแผนและติดตามการดูแลบำรุงรักษาระบบความปลอดภัยภายในอาคาร
  6. ติดตามการดูแลบำรุงรักษาระบบความปลอดภัยภายในอาคาร

มาตรการการควบคุมแสงในสำนักงาน

  1. ใช้อุปกรณ์แสงสว่างที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
  2. ตรวจวัดความเข้มข้นของแสง 1 ครั้งต่อปี
  3. ปรับแก้ความเข้มแสงให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
  4. ใช้แสงสว่างจากธรรมชาติ
  5. ตรวจสอบและทำความสะอาดหลอดไฟ 1 ครั้งต่อปี

มาตรการควบคุมการปฏิบัติงานของผู้รับจ้าง ด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย

  1. การผ่านเข้า – ออกพื้นที่ ผู้รับจ้างจะต้องใช้ประตูและเส้นทางที่กำหนดให้เท่านั้น
  2. การเข้าทำงาน
      • ผู้รับจ้างจะต้องทำหนังสือถึงผู้ว่าจ้างแจ้งกำหนดเวลาที่จะมาเริ่มงานและสิ้นสุด พร้อมแจ้งรายชื่อพนักงานที่จะเข้ามาทำงานในพื้นที่สำนักงาน
      • มีป้ายอนุญาตให้ทำงานที่ผ่านมาอย่างถูกต้องในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัย
  3. ด้านสิ่งแวดล้อม
      • รักษาความสะอาดบริเวณที่เข้าไปปฏิบัติงาน การแยกประเภทของขยะ และทิ้งขยะให้ถูกต้องตามมาตรการของสำนักงาน
      • ห้ามนำอาหาร เครื่องดื่มเข้ามารับประทานในพื้นที่ที่ปฏิบัติงาน ให้รับประทานในพื้นที่ที่สำนักงานจัดเตรียมให้เท่านั้น
      • ปฏิบัติตามข้อควรปฏิบัติ รวมถึงไม่ก่อให้เกิดผลกระทบหรือสิ่งรบกวนต่อการควบคุมอากาศทางกายภาพ เสียง แสงสว่าง น้ำเสีย หรือฝุ่นละอองในพื้นที่สำนักงาน
      • ห้ามสูบบุหรี่ภายในสำนักงาน ยกเว้นพื้นที่ที่ได้จัดไว้ตามกฎหมายกำหนด
      • ห้ามใช้ประตูทางออกฉุกเฉิน/ประตูหนีไฟ เป็นทางเข้า–ออก เว้นแต่เมื่อมีเหตุจำเป็นภายในอาคาร
      • เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินภายในอาคาร เจ้าหน้าที่หรือผู้ที่ได้รับอนุญาตสามารถเข้าตรวจความเรียบร้อย และตรวจสอบทรัพย์สินของสำนักงานได้
Scroll to Top